วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

10 อาหารสุขภาพ ที่สาวๆ ควรมีติดตู้เย็น

อาหารถือเป็นปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญกับชีวิตเราเป็นอันดับหนึ่ง ยิ่งปัจจุบันคนทั่วโลกหันมาใส่ใจกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น การเลือกทานอาหารที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกายจึงกลายเป็นกระแสที่หลายๆ คนทำ โดยเฉพาะในหมู่สาวๆ ที่ต้องดูแลรูปร่างไม่ให้มีไขมันส่วนเกิน ว่าแต่อาหารสุขภาพชนิดใดที่สาวๆ ควรมีติดตู้เย็นบ้าง
1. น้ำเปล่า ไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากมายสำหรับความจำเป็นและคุณประโยชน์ทำให้เราต้องดื่มน้ำ เพราะ "น้ำ" ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต ช่วยทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นไม่อย่างปกติ ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติและมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น รวมทั้งช่วยให้การขับถ่ายของเสียทำงานได้ดี ที่สำคัญยังช่วยให้ผิวชุ่มชื่น โดยน้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือน้ำอุณหภูมิปกติ เรียกว่าสาวคนใดอยากสุขภาพดีอย่าลืมดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้วนะคะ
2. ผัก เหมาะมากสำหรับการเป็นอาหารในยุคเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณปลูกพืชผักสวนครัวไว้ทานเอง คุณจะได้ทานผักที่สดและปลอดภัยจากสารพิษ รวมทั้งประหยัดเงินในกระเป๋า ในส่วนของคุณประโยชน์ของผักนั้น "ผัก" ถือเป็นอาหารที่มีคุณค่ามาก เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ อาทิ วิตามิน เกลือแร่ อยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในผักยังมี "ใยพืช" (Fiber) ซึ่งช่วยกระตุ้นลำใส้ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร โรคมะเร็งลำไส้
3. ไข่ไก่หากคุณกำลังหาอาหารไว้ติดตู้เย็นสักชนิดที่ทั้งราคาถูกและมีคุณค่าทางอาหาร เราขอแนะนำ "ไข่ไก่" ค่ะ เพราะในไข่ไก่มีทั้งโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย 9 ชนิด ทั้งยังมีวิตามินกับเกลือแร่อีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ , บี, ดี และ อี ธาตุเหล็ก , สังกะสี, ซีลีเนียม และไอโอดีน ส่วนใครที่เคยเชื่อมาผิดๆ ว่าทานไข่แล้วจะเสี่ยงกับความอ้วนนั้น คุณเข้าใจผิด เพราะโคเลสเตอรอลในไข่แดงมีประมาณ 230 มิลลิกรัมต่อฟอง ซึ่งนับว่าปลอดภัยกว่าการกินเนย แป้ง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ติดมันมาก
4. นม"นม" ในที่นี้จะเป็นประเภทใดก็ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นนมวัว นมถั่วเหลือง หรือนมเปรี้ยว เพราะทุกประเภทล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเราต้องอ่านฉลากข้างกล่องหรือขวดให้ดีก่อนจะซื้อมาเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ เพราะในนมแต่ละยี่ห้อแต่ละสูตรก็จะมีปริมาณน้ำนมและสารปรุงแต่งไม่เท่ากัน สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาในเรื่องระบบย่อยอาหารคุณควรดื่มนมวัวค่ะ เพราะในนมวัวมีแคลเซียมและโปรตีนซึ่งมีความสมบูรณ์ของกรดอะมิโนดีกว่าโปรตีนจากถั่วเหลือง
5. เนื้อปลาสาวๆยุคใหม่หลายคนมองข้ามการทานเนื้อสัตว์ไปเพราะกลัวอ้วน แต่เราว่าคุณจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่หลังจากที่ทราบคุณประโยชน์ของ "เนื้อปลา" เพราะโปรตีนจากเนื้อปลามีไขมันต่ำ ย่อยง่าย และมีสาอาหาร คือ กรดโอเมก้า 3 ซึ่งมีกรด DHA และกรด EPA โดย DHA จะช่วยบำรุงเซลล์สมอง เซลล์ประสาท และเรตินาในดวงตา ส่วนกรด EPA ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอล และลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในร่างกาย จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
6. ผลไม้รสเปรี้ยวต้องย้ำไว้ก่อนค่ะว่าเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม , มะม่วง,ฝรั่ง, กีวี่ ,ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพราะผลไม้ประเภทนี้จะมีวิตามินซีสูง (แถมยังปลอดภัยจากความอ้วนกว่าผลไม้รสหวานที่มีน้ำตาลมาก) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของภูมิต้านทานโรค ช่วยลดระดับไขมันที่จะไปพอกพูนเส้นเลือดในร่างกายแล้วทำให้หลอดเลือดอุดตัน ทั้งยังช่วยควบคุมโคเลสเตอรอล และป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ที่สำคัญวิตามินซีททำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุของการเสื่อมของร่างกายอีกด้วย
7. โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์จากนมยอดฮิตที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ โดยใน "โยเกิร์ต" มีวิตามิน ได้แก่ วิตามิน เอ, บี1, บี 2, บี3,บี6, บี12, ดี, อี มีกรดที่ช่วยในการดูดซึมโปรตีน แคลเซียมและเหล็กเข้าสู่ร่างกาย ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบการขับถ่าย ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ช่วยบำรุงผิวพรรณ แต่ก่อนซื้อต้องอ่านฉลากให้ดีก่อนนะคะว่าในโยเกิร์ตรสและยี่ห้อนั้นๆ มีส่วนประกอบและคุณค่าทางอาหารอะไรบ้าง แนะนำว่าโยเกิร์ตธรรมชาติที่มีน้ำตาลน้อยดีที่สุดค่ะ
8. แอปเปิ้ลคำกล่าวที่ว่า "ถ้ารับประทานแอปเปิ้ลวันละผลแล้วล่ะก็จะไม่ต้องไปหาหมอ" คงเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงนัก เพราะแอปเปิ้ลมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด อาทิ สารเบตาแคโรทีน วิตามินซี นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น อ้อ ถ้าอยากได้คุณค่าเต็มเปี่ยมแนะนำให้ทานแอปเปิ้ลทั้งเปลือกค่ะ เพราะเปลือกของแอปเปิ้ลแดง 1 ผลนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่ากับวิตามินซี 820 มิลลิกรัมทีเดียว
9. ถั่ว "ถั่ว" ถือเป็นโปรตีนจากพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้โปรตีนจากเนื้อสัตว์เชียวค่ะ ดังนั้นคนที่อยู่ในช่วงทานเจหรือมังสวิรัติแต่ไม่อยากให้ร่างกายขาดโปรตีน ถั่วจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของคุณค่ะ ที่สำคัญถั่วยังอุดมไปด้วยวิตามินที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของผิวหนัง ผม การควบคุมความดันโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ไขมันไม่อิ่มตัวในถั่วจะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล ใครที่อยากทานอาหารสุขภาพราคาประหยัดต้องไม่พลาดถั่วค่ะ
10. ธัญพืชมื้อเช้าที่เร่งรีบ ถ้าคุณไม่มีเวลาในการเข้าครัวเพื่อทำกับข้าว การมี "ธัญพืช" จำพวกข้าวโพด , ลูกเดือย ,งา ,ข่าวฟ่าง,เมล็ดทานตะวัน, จมูกข้าว, รำจ้าว (ชนิดที่อบกรอบพร้อมทาน) ติดตู้เย็นไว้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มากทั้งยังดีต่อสุขภาพ โดยในธัญพืชจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ต้องใช้เวลาในการย่อย ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำเกิดเป็นโรคเบาหวานตามมาในภายหลัง (ต่างจากแป้งขัดขาวซึ่งน้ำตาลจะถูกย่อยเร็ว) นอกจากนี้ธัญพืชยังเปี่ยมด้วยวิตามิน เกลือแร่ และไฟเบอร์

แพนเค้กมันฝรั่ง


ส่วนผสม
มันฝรั่งหั่นฝอย 1 ถ้วย
ข้าวสารลีหุงสุก 1 ถ้วย
แป้งโฮลวีท 1/2 ถ้วย
นมถั่วเหลือง 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เกลือ 1/4 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย 1/4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ผสมทุกอย่างรวมกัน
2. เอาน้ำมันหรือเนยทากระทะบาง ๆ เทแป้งแพนเค้กลงทอดทีละแผ่น กินกับน้ำพริกศรีราชา



น้ำเต้าหู้ หรือนมถั่วเหลือง


ส่วนผสม
ถั่วเหลือง แช่น้ำร้อนทิ้งไว้ 3 – 4 ชั่วโมง 1 ถ้วย
น้ำเปล่า 6 ถ้วย

น้ำพริกปลาทู


ส่วนผสม
ปลาทูทอดหรือย่างแกะเอาเนื้อ 2 ตัว
พริกชี้ฟ้าหรือพริกหนุ่ม 4 เม็ด
หอมเล็ก 5 หัว
กระเทียม 10 กลีบ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำร้อน 1/4 ถ้วย
ต้นหอม ผักชี


วิธีทำ
1. กระทียม หอมเล็ก พริก คั่วให้หอม หรือย่างก็ได้ แกะเปลือก พักไว้
2. เอาปลาทูลงโขลกก่อน พักไว้ แล้วเอาพริกชี้ฟ้า หอมเล็ก กระเทียม โขลกให้แหลก เอาปลาทูที่โขลกไว้ใส่ลงโขลกรวมกัน เติมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล ชิมรสอีกที เติมน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน ซอยต้นหอม ผักชีโรยหน้านิดหน่อย รับประทานกับผักสด ผักลวก ตามชอบ
ส่วนผักที่เราจะเอามารับประทานกับน้ำพริก ทั้งผักดิบและผักสุก ผักดิบก็แล้วแต่ชอบ แตงกวาถั่วพู มะเขือ ได้ทั้งนั้น ผักลวกก็เป็นกะหล่ำปลี ตำลึง ดอกแค หรือฟักทองนึ่ง แครอท

สลัดอาร์.ซี.


ส่วนผสมผักสลัด
เซเลอรี่หั่นเป็นแว่น 1 ก้าน
ผักกาดหอม 2 ต้น
ผักกาดแก้ว 1 หัว
แอ๊ปเปิ้ลเขียวหรือแดงหั่นเป็นชิ้นพอคำ แช่น้ำเกลือจะได้ไม่ดำ 1 ลูก
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1/2 ถ้วย
เมล็ดทานตะวัน 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
นำเอาผักทุกอย่างล้างก่อน จัดให้สวย โรยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์กับเมล็ดทานตะวัน
ส่วนผสมน้ำสลัด
น้ำส้มคั้น 1/2 ถ้วย
เกลือ 1/2 ช้อนชา
พริกไทย 1/4 ช้อนชา
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย

วิธีทำ
ทุกอย่างคนให้เข้ากัน เวลาจะรับประทานตักราดบนผักสลัดที่เตรียมไว้

ซุปฟักทอง

ก่อนจะทำซุปฟักทอง ขอแนะนำ สามเกลอ คือ กระเทียม พริกไทย และรากผักชี ควรจะโขลกไว้ก่อน ใส่เป็นกระปุกแช่ตู้เย็นไว้ ส่วนมากจะเก็บไว้ได้หนึ่งอาทิตย์ถึงสิบวัน จะได้ไม่ต้องเตรียมทุกครั้ง

ส่วนผสม
ฟักทองญี่ปุ่นหรือฟักทองไทยก็ได้ 1/2 ลูกเล็ก
หอมหัวใหญ่สับละเอียด 1 หัวกลาง
สามเกลอ (รากผักชี 3 ราก กระเทียม 3 กลีบ พริกไทย 1/4 ช้อนชา โขลกรวมกัน) 2ช้อนโต๊ะ
น้ำมันเมล็ดทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ
เนยชนิดเค็ม 2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำปลา 4 ถ้วย
ซอสแม็กกี้นิดหน่อย
วิธีทำ
1. เอาฟักทองหั่นเป็นชิ้น ใส่น้ำพอท่วม ใส่เกลือนิดหน่อย ต้มจนฟักทองนิ่ม
2. ผัดสามเกลอกับน้ำมัน ใส่หอมหัวใหญ่ที่สับละเอียดลงไป ใส่เนยนิดหน่อย ผัดจนหอม
3. เอาฟักทองที่ต้มสุกแล้ว พร้อมน้ำที่ต้มฟักทองใส่ในเครื่องปั่นพร้อมหอมหัวใหญ่ที่ผัดไว้ ปั่นจนละเอียด เทใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดอ่อนๆ อีกครั้ง ดูว่าถ้าข้นเติมน้ำซุปร้อน ๆ ลงไปอีกหน่อย ถ้าไม่เค็ม เติมซีอิ้วขาวหรือซอสแม็กกี้ พริกไทยนิดหน่อย

ขนมปังกระเทียม
ส่วนผสม
กระเทียมสับละเอียด 1/2 ถ้วย
เนยสดชนิดเค็ม 1/2 ก้อน
ขนมปังโฮลวีท 1 แถว

วิธีทำ
ผสมกระเทียม เนยเข้าด้วยกัน แล้วนำมาทาบนขนมปังบาง ๆ ถ้าเหลือใส่ตู้เย็นไว้ใช้ได้อีก
เอาขนมปังเข้าเตาอบจนเหลือง รับประทานกับซุปฟักทอง

ต้มจับฉ่าย

วันนี้เราจะรับประทานข้าวต้มกับจับฉ่าย ต้มจับฉ่ายความจริงทำง่าย แล้วก็อร่อยด้วย แต่ไม่ต้องใส่หมูนะคะ

ส่วนผสม
เห็นหอม ล้างให้สะอาด แช่น้ำให้นิ่ม (น้ำแช่เห็ดหอมเก็บไว้อย่าทิ้ง) 6-7 ดอก
หัวไช้เท้าหั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 หัว
ผักกวางตุ้งหั่นเป็นท่อน 3 ต้น
ผักขมจีนหั่นเป็นท่อน 2 ต้น
สามเกลอ (รากผักชี 3 ราก กระเทียม 3 กลีบ พริกไทย ช้อนชา โขกรวมกัน) 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าเจี้ยวอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันเมล็ดทานตะวัน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำแช่เห็ดหอม 2 ถ้วย

วิธีทำ
เอาหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่สามเกลอและเต้าเจี้ยวลงผัดจนหอม ใส่หัวไช้เท้าลงไป จากนั้นใส่เห็ดหอมลงไปผัด เลือกเอาก้านผักลงผัดก่อนจากนั้นเทน้ำแช่เห็ดหอมลงไป พอเดือดได้ 5 นาที จึงเติมใบผัก เติมซีอิ้วขาว ปิดฝาหม้อปล่อยให้เดือดอีก 5 นาที พอใบผักยุบหรี่ไฟ ต้มต่ออีก 15-20 นาที ดับไฟ
เมนูนี้เรียกว่าเบสิก (basic) ที่เรียกว่าเบสิกเพราะถ้าอยากจะเติมอย่างอื่นลงไปก็ได้ อย่างเช่น บางคนอยากเติมเต้าหู้ เต้าหู้หั่นไว้แล้ว คลุกแป้งสักนิด เอาไปทอดก่อนถึงค่อยเติมในจับฉ่าย แต่ขอเตือนว่า ถ้าเติมเต้าหู้ จับฉ่ายหม้อนั้นจะเสียง่าย ขอแนะนำว่า อาจจะแบ่งส่วนหนึ่งเพื่อเก็บไว้รับประทานวันนี้ถึงเติมเต้าหู้ลงไป หรือมีกะหล่ำลีเหลืออยู่ก็เติมลงไปได้ แต่ให้หั่นกะหล่ำปลีเป็นชิ้นใหญ่หน่อยเติมลงไป แล้วเหยาะซีอิ้วลงไปอีกนิดด้วย
ต้มจับฉ่ายวิธีนี้ พวกโปรตีน แร่ธาตุก็ยังเหลืออยู่ แล้วสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดจากต้มจับฉ่ายคือไฟเบอร์ (fiber)
ไฟเบอร์ คือ เส้นใยอาหาร ไฟเบอร์อันนี้จะมีหน้าที่เหมือนไม้กวาดกวาดลำไส้ คือช่วยกวาดของสกปรกออกจากร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นคนที่ท้องผูก ขอแนะนำให้รับประทานจับฉ่ายทุกวัน

เจ็นไหม


ส่วนผสม

ข้าวที่ต้มน้ำอาร์.ซี.แล้ว (แต่ยังไม่สุก) 3 ถ้วย
แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ถ้วย
หัวไช้เท้าหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วย
ต้นกระเทียมซอย 1 ถ้วย
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำร้อน 1 ถ้วย
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. เอาข้าวอาร์.ซี.ลงผัดกับน้ำมันงาในกระทะ ถ้าเป็นกระทะเคลือบก็ดี จะได้ไม่ติด ผัดจนเหลือง มีกลิ่นหอม ตัดขึ้นพักไว้
2. ผัดแครอท หัวไช้เท้า กระเทียม ด้วยน้ำมันงาพอมีกลิ่น ใส่ข้าวที่ผัดแล้วลงไปรวมกับพวกผักพักไว้
3. เอาใส่หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เติมน้ำร้อนลงไปพอท่วมข้าวนิดหน่อย หุงแบบหุงข้าวจนสุก เวลากินก็เอางาคั่วโรยเกลือนิดหน่อย อาจใส่ซีอิ้วขาวลงไปด้วยก็ได้
นอกจากเจ็นไหมอาจกินผลไม้ที่ไม่หวานด้วยก็ได้ เช่น มะละกอ ฝรั่ง กล้วย สาลี่ สับปะรด

สูตรน้ำอาร์.ซี.

สูตรน้ำอาร์.ซี.
ส่วนผสม ก็มีข้าวต่าง ๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 ข้าวชนิดแข็งสุกยาก
ข้าวสาลี 1/4 ถ้วย
ข้าวบาร์เลย์ 1/4 ถ้วย
ลูกเดือย 1/4 ถ้วย
ลูกบัว 1/4 ถ้วย
ข้าวฟ่าง 1/4 ถ้วย
กลุ่มที่ 2
ข้าวแดง 1/4 ถ้วย
ข้าวกล้อง 1/4 ถ้วย
ข้าวเหนียวกล้อง 1/4 ถ้วย
กลุ่มที่ 3
ข้าวโอ๊ต 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
ล้างข้าวกลุ่มที่ 1 ให้สะอาด ต้มด้วยน้ำประมาณ 1 ลิตร ด้วยหม้อสเตนเลสหรือหม้อเคลือบ ตั้งไฟให้เดือด ล้างข้าวกลุ่มที่ 2 ใส่ลงไป คอยให้เดือดอีกที อย่านาน ประมาณ 5 นาที เอาข้าวกลุ่มที่ 3 ใส่ลงไป พอเดือดอีกทีดับไฟ ปล่อยให้ข้าวนอนก้น รินเอาน้ำมาดื่ม นั่นคือน้ำอาร์.ซี.
ถ้าอยากให้น้ำอาร์.ซี.หอมมากขึ้น เวลาต้มก็ใส่ใบเตยหอมลงไปด้วย ทีนี้น้ำอาร์.ซี.ก็จะยิ่มหอมบำรุงหัวใจด้วย บางท่านอาจเติมงาคั่วป่นหรือจมูกข้าวลงไปด้วยก็ได้
เราตื่นขึ้นมา เราควรจะดื่มน้ำอาร์.ซี.สักถ้วยหนึ่งในน้ำอาร์.ซี.มีทั้งกลูโคส RNA และ DNA ซึ่งเป็นนิวเทรียนต์ที่ร่างกายต้องการ (เป็นสารอาหารที่ไปเลี้ยงประสาทสมองและร่างกาย) และพอเราดื่มน้ำอาร์.ซี. ร่างกายไม่ต้องไปย่อยอีกที ดูดซึมพวกนิวเทรียนต์พวกนี้เข้าไปได้เลย
ส่วนน้ำอาร์.ซี.ที่ยังเหลืออยู่ในหม้อ ก็เอาไปใส่กระติกน้ำร้อน ดื่มได้ทั้งวัน ถ้ากระติกน้ำร้อนไม่ค่อยดี อาจจะเก็บความร้อนไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าตอนบ่าย ๆ อยากดื่มน้ำอาร์.ซี. เห็นว่าน้ำอาร์.ซี.ไม่ค่อยร้อน แค่อุ่น ๆ ควรจะชิมสักนิด ถ้ามีรสเปรี้ยว หมายความว่าน้ำอาร์.ซี.นั้นเสียแล้ว ควรจะเททิ้ง
กากข้าวอาร์.ซี.ที่เหลือ เอามาทำเจ็นไหม (Gen mai) สำหรับมื้อเช้า กลางวัน เย็น

อาหารสุขภาพ

อาหารสุขภาพ หมายถึง อาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างให้สุขภาพดีขึ้น เนื่องจากมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยมีสารอาหารหลัก นอกจากนี้ ยังมีวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นในการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และได้รับสารประกอบของอาหารที่สำคัญ มีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอ

สุขภาพ เป็นการเรียกการกล่าวถึงลักษณะของการไม่เป็นโรค สุขภาพเป็นความสมบูรณ์ของคนใน 4 มิติ คือ ร่างกาย จิตใจ สังคม และวิญญาณ(ปัญญา)หากสมบูรณ์อย่างสมดุลแล้ว ก็จะเข้าสู่ที่เรียกว่าสุขภาวะ
ตามนิยามขององค์การอนามัยโลก สุขภาพหมายถึงสุขภาวะทางร่างกาย จิตใจ และสังคมรวมทั้งการปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งทางกายและทางใจ

สารอาหาร คือ อาหารที่กินเข้าไปแล้ว ถูกย่อยด้วยกระบวนการย่อยจนได้โมเลกุลของอาหารที่เล็กลงจนร่างกายสามารถนำเอาไปใช้ได้ เราแบ่งสารอาหารออกเป็น 6 กลุ่ม ดั้งนี้
1. โปรตีน
2. คาร์โบไฮเดรต
3. ไขมัน
4. วิตามิน
5. เกลือแร่
6. น้ำ

ประโยชน์จากสารอาหาร
ได้พลังงาน พลังงานที่ได้จากอาหารทำให้กล้ามเนื้อและอวัยวะอื่นๆทำงานได้
เจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในขณะเป็นทารกจนถึงวัยผู้ใหญ่ มนุษย์ใช้อาหารทำให้ร่างกายเจริญเติบโต และเมื่อยามสูญเสียเซลล์ในร่างกายบางส่วน อาหารก็จะสามารถสร้างเซลล์ขึ้นมาทดแทนได้
เพื่อสุขภาพ